วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ตำนานดอกจัน

ความหมายของดอกจัน...ตำนานดอกจัน

(ต้นไม้ประจำสถาบันโรงเรียนนายสิบทหารบก/สัญลักษณ์ของนักเรียนนายสิบ)


ต้นจัน  มีชื่อเรียกโดยทั่วไปตามแต่ละท้องถิ่นว่า จันหอม จันโอ จันนา จันอิน มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Diospyros  decanda lour
ลักษณะทั่วไป  เป็นไม้ยืนต้น ยอดอ่อนมีขน ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับกัน ลักษณะดอกเป็นดอกเดี่ยว แยกเพศดอกเพศเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าเพศผู้
ผล  มี 2 ลักษณะ คือ ผลทรงกลมแป้น เรียกว่า ลูกจัน  ส่วนผลทรงกลม เรียกว่า ลูกอิน เวลาสุกมี    
 สีเหลือง กลิ่นหอม  กลีบดอกเมื่อติดเป็นผลแล้ว กลีบดอกจะเป็นกลีบเลี้ยงติดอยู่กับขั้วผล มีลักษณะเป็นกลีบ เชื่อมติดกันปลายแหลมเป็นแฉก มี 5 แฉกบ้าง 6  แฉกบ้าง ดอก  ที่สมบูรณ์ที่สุด   มีถึง 8 แฉก
ลักษณะลำต้น  เป็นไม้เนื้อแข็ง  เนื้อไม้มีลวดลายสวยงาม มีกลิ่นหอมขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ด
ถิ่นกำเนิด  ต้นจัน เป็นไม้ป่า พบได้ตามป่าแล้ง ภาคกลางของประเทศไทย เป็นไม้ค่อนข้างโตช้า ปัจจุบันเป็นไม้หวงห้ามเนื่องจากหายากและด้วยเหตุที่เนื้อไม้มีลวดลายสวยงาม ทำให้เป็นที่นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์
     
ความเป็นมาของการเป็นต้นไม้ประจำสถาบันและดอกจันเป็นสัญลักษณ์ ของนักเรียนนายสิบ
         ในปี 2482 -2486 ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพบกมีความต้องการนายทหารชั้นประทวน เป็นจำนวนมาก จึงได้เปิดโรงเรียนนายสิบทหารราบขึ้นอีกในค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จ.ลพบุรี มีสถานะเป็นกองโรงเรียนนายสิบเป็นหน่วยขึ้นตรงศูนย์การทหารราบในที่ตั้งกองโรงเรียนนายสิบนี้เองที่ถือว่าเป็นที่กำเนิดตำนานดอกจันซึ่งถือเป็นต้นไม้ประจำสถาบันและดอกจันเป็นสัญลักษณ์ของนักเรียนนายสิบก็เพราะรอบๆ บริเวณพื้นที่มีต้นจันขนาดใหญ่หลายต้น ลักษณะของลำต้น ดอกผล  มีลักษณะเด่นที่สื่อความหมายในทางที่ดีงามแก่นักเรียนนายสิบและสถาบันโรงเรียนนายสิบ กล่าวคือ ต้นจัน เป็นต้นไม้ที่มีเนื้อไม้ลวดลายสวยงามมีกลิ่นหอม เป็นที่ต้องการ และเป็นไม้ที่มีคุณค่าสามารถอยู่ได้ในที่แห้งแล้ง ต่อเมื่อได้น้ำฝนก็ผลิตดอกออกผลในราวเดือนพฤษภาคม เปรียบได้กับนักเรียนนายสิบที่เริ่มเข้ามาศึกษาในเดือนนี้จนสำเร็จเป็นนายสิบที่ออกไปรับราชการในหน่วยทหาร ถ้ามีความอดทน แข็งแกร่ง อยู่ในระเบียบวินัย อดทนต่อสู้ตั้งใจปฏิบัติงาน  ก็จะเป็นผู้ที่มีคุณค่าเป็นที่ต้องการของหน่วยงาน ก็จะสามารถเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ
ดอกจัน ที่มีลักษณะเป็นกลีบ ปลายแหลมเชื่อมติดกันเป็นแฉก ชี้ไปทุกทิศทาง หมายถึงนักเรียนนายสิบที่เมื่อสำเร็จออกไปรับราชการจะออกไปจากโรงเรียนแยกย้ายกันไปทุกทิศทุกทางทั่วประเทศเพื่อไปรับใช้ชาติและประชาชน ลักษณะกลีบดอกที่ยังคงอยู่กับขั้วผลกลีบดอก หมายถึง สถาบันโรงเรียนนายสิบทหารบกที่โอบอุ้ม  ผลก็คือนักเรียนนายสิบมีความหมายเตือนใจ ไม่ให้ลืมตนว่ามาจากไหนและรำลึกถึงเกียรติยศชื่อเสียงของสถาบัน ผลที่สุกและหอมหวาน หมายถึง ความสำเร็จและเกียรติยศชื่อเสียงของตนเองรวมถึงสถาบันด้วย  ความหมายที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ลักษณะของดอกจันส่วนใหญ่ที่มี 5 แฉก มีลักษณะคล้ายดาวเป็นเครื่องหมายยศของนายทหารสัญญาบัตร ซึ่งถือเป็นความสำเร็จสูงสุดของผู้ที่จบจากสถาบันนี้ 
เครื่องหมายของนักเรียนนายสิบ เป็นดอกจัน 8 กลีบ ชี้ไป 8 ทิศทาง

ที่มาของบทความ : โรงเรียนนายสิบทหารบก

ประวัติโรงเรียนนายสิบทหารบก

ประวัติโรงเรียนนายสิบทหารบก (รร.นส.ทบ.)

ที่ตั้ง : ค่ายธนะรัชต์ หมู่ที่ 3 ต.เขาน้อย  อ.ปราณบุรี  จ.ประจวบคีรีขันธ์  77160          

         
 

  
            เมื่อปี พ.ศ.2424  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนสำหรับให้การศึกษาแก่ผู้ที่จะเป็นนายร้อย นายสิบ ขึ้นในกรมมหาดเล็ก โดยโรงเรียนทั้งสองแห่งต่างแยกกันดำเนินการ  จนกระทั่ง ปี พ.ศ. 2430 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริว่าการแยกกันดำเนินการทำให้ขาดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมโรงเรียนทั้งสองแห่งเข้าด้วยกัน เรียกว่า “โรงเรียนทหารสราญรมย์”  และได้ตราข้อบังคับสำหรับโรงเรียนขึ้นเรียกว่า “บัญญัติโรงเรียนทหารสราญรมย์” ข้อบังคับฉบับนี้แสดงให้เห็นว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นผู้พระราชทานกำเนิดวิชาชีพทหารขึ้นในสังคมไทย และวางรากฐานทางการทหารไว้อย่างมั่นคง
            นับตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนนายสิบ ได้มีการพัฒนาปรับปรุง และปิดอัตรารวมทั้งยุบเลิกหลายครั้ง  เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ  สังคมและการทหารของประเทศ  ต่อมาเมื่อวันที่  23 มิ.ย. 2510  กองทัพบกได้อนุมัติให้จัดตั้งโรงเรียนนายสิบทหารบกขึ้นอีกครั้ง  โดยให้ขึ้นการบังคับบัญชาต่อ  กรมยุทธศึกษาทหารบก มีที่ตั้งปกติ  ณ  ค่ายธนะรัชต์  โรงเรียนนายสิบทหารบก จึงยึดถือวันที่  23 มิ.ย. ของทุกปี เป็นวันสถาปนาของหน่วย ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา สำหรับการปรับปรุงหลักสูตรนับตั้งแต่การสถาปนาหน่วยขึ้นมานั้นสรุปได้ดังนี้.-
         ปี  2511   เปิดหลักสูตรการศึกษาของนักเรียนนายสิบทหารบก เป็นหลักสูตร 2 ปี โดยศึกษารวมกันที่โรงเรียนนายสิบทหารบก  ในชั้นปีที่ 1 และแยกศึกษา  ณ โรงเรียนเหล่าสายวิทยาการ ในชั้นปีที่ 2
         ปี 2525 กองทัพบก ได้ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาโรงเรียนนายสิบทหารบก  เป็นหลักสูตร 1 ปี
ศึกษาเฉพาะเหล่าทหารราบ  สำหรับเหล่าทหารอื่น โรงเรียนเหล่าสายวิทยาการ  เป็นผู้ดำเนินการจัดการฝึกศึกษาของแต่ละเหล่าเอง  
         ปี 2530 โรงเรียนนายสิบทหารบก ได้รับพระราชทานธงชัยเฉลิมพล เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2530
         ปี 2533  กองทัพบก  ได้ปิดการบรรจุกำลังพลโรงเรียนนายสิบทหารบก และแปรสภาพเป็นหน่วยฝึกกำลังพลสำรองกองทัพบก
         ปี 2539  กองทัพบก  กำหนดให้เปิดหลักสูตรนักเรียนนายสิบทหารบกอีกครั้ง เป็นหลักสูตร 2 ปี โดยศึกษารวมกันในชั้นปีที่ 1  ณ  โรงเรียนนายสิบทหารบก และแยกศึกษา  ณ  โรงเรียนเหล่าสายวิทยาการ ในชั้นปีที่ 2   
         ต่อมาในปี 2545  กองทัพบก  ได้ปรับปรุงหลักสูตรนักเรียนนายสิบทหารบก เป็นหลักสูตร 1 ปี
โดยศึกษา  ณ  โรงเรียนนายสิบทหารบก 10 เดือน และศึกษา  ณ  โรงเรียนเหล่าสายวิทยาการ  2 เดือน 
         ปี 2550  ได้ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษานักเรียนสิบทหารบก  ศึกษา  ณ  โรงเรียนนายสิบทหารบก  จำนวน 6 เดือน  และศึกษา ณ  รร.เหล่าสายวิทยาการ  จำนวน  6  เดือน   โดยแบ่งนักเรียนนายสิบเข้ารับการศึกษา  จำนวน  2  ผลัด

ที่มาของบทความ : http://www.nco-rta.com/nco/2012-11-26-14-51-32